Logo Hashtag Legend

Tudor เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ ก้าวข้ามขีดจำกัดทั้งในด้านดีไซน์และนวัตกรรมการผลิตในงาน Watches and Wonders 2025

Author: Phuriwat Hirunrangsee | Photographer: Courtesy of Tudor

Apr 11, 2025

"...ในงาน Watches & Wonders 2025 ที่ผ่านมา Tudor นำเสนอคอลเลคชั่นเรือนเวลาใหม่ที่ผสมผสานระหว่างมรดกและนวัตกรรมให้เข้ากันได้อย่างน่าหลงใหล ถ่ายทอดผ่านเรือนเวลาดีไซน์คลาสสิกที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกและฟังก์ชั่นการใช้งานที่ล้ำสมัย..."

Black Bay 58

Black Bay 58 มาในรูปโฉมใหม่พร้อมการรับรอง METAS Master Chronometer โดยการอัพเกรดหน้าปัดและขอบวงแหวนในโทนสีแดงเบอร์กันดีที่ได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกาต้นแบบ Submariner ในยุค 90 ขนาดตัวเรือน 39 มม. สะดุดตาด้วยดีไซน์ความคลาสสิก แต่มีการติดตั้งกลไก MT5400-U ที่มีพลังงานสำรอง 65 ชั่วโมงและคุณสมบัติต้านทานแม่เหล็กที่แข็งแกร่ง รวมถึงการออกแบบเม็ดมะยมใหม่ที่พิ่มความสะดวกสบายในการสวมใส่

Pelagos Ultra

สำหรับผู้ที่รักการผจญภัยใต้ทะเล Pelagos Ultra นับเป็นนาฬิกาดำน้ำที่มีความโดดเด่นที่สุดจาก Tudor ด้วยตัวเรือนไทเทเนียมขนาด 43 มม. กันน้ำได้ลึกถึง 1,000 เมตร มาพร้อมฟังก์ชั่นวาล์วระบายฮีเลียมและหน้าปัดเรืองแสงสองสีที่ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนในสภาพแสงน้อย ขับเคลื่อนด้วยกลไก MT5612-U ที่ให้ความแม่นยำและต้านทานแม่เหล็กได้ดี จึงเป็นเรือนเวลาที่เหมาะสำหรับการดำน้ำเป็นที่สุด

Black Bay 68

Black Bay 68 ได้รับการออกแบบใหม่ด้วยตัวเรือนขนาด 43 มม. ซึ่งเป็นการขยายขนาดนาฬิกาให้ใหญ่ขึ้นจากรุ่นก่อน มาพร้อมหน้าหน้าปัดซันเบิร์สต์สีเงินที่ดูเรียบหรู และสี TUDOR Blue ที่ดูสดใสและคลาสสิกในเวลาเดียวกัน พร้อมอัพเกรดสายข้อมือที่ได้รับการเชื่อมต่อแบบ rivet  นาฬิกาขับเคลื่อนด้วยกลไก MT5601-U ที่ให้พลังงานสำรองถึง 70 ชั่วโมง และมีความทนทานต่อสนามแม่เหล็กสูงถึง 15,000 เกาส์

Black Bay Pro

ในขณะที่ Black Bay Pro ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้การอ่านค่าเวลานั้นทำได้ง่ายและชัดเจนขึ้น โดยหน้าปัดโอพาลินที่มีคอนทราสต์สูง แต่ยังคงขนาดตัวเรือนไว้เท่าเดิมที่ 39 มม. บรรจุกลไก MT5652 GMT ที่ได้รับการรับรองจาก COSC พร้อมเข็มนาฬิกาแบบ “Snowflake” ขอบดำและดัชนีบอกเวลาทำจากเซรามิกที่ติดตั้งไว้ให้อ่านค่าได้ง่ายบนพื้นหลังสีอ่อน

Black Bay Chrono

ปิดท้ายกันด้วย Black Bay Chrono เรือนเวลาที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของ Tudor โดดเด่นด้วยการออกแบบตัวเรือนที่มีความละเอียดพร้อมการจัดเรียงหน้าปัดที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ มีให้เลือกทั้งหน้าปัดสีดำจับคู่กับหน้าปัดย่อยสีเงินและหน้าปัดโอพาลินเข้ากับหน้าปัดย่อยสีดำ ขับเคลื่อนด้วยกลไก MT5813 ซึ่งมีคอลัมน์วีลและคลัตช์แนวตั้ง มาพร้อมการสำรองพลังงานได้นาน 70 ชั่วโมง ทำให้เรือนเวลารุ่นนี้มีเสน่ห์ในสไตล์คลาสสิกพร้อมสมรรถนะที่ทันสมัย ที่ตอบโจทย์คนรักนาฬิการุ่นใหม่อย่างแน่นอน

อ่านบทความเพิ่มเติม: A. Lange & Söhne เปิดตัว 3 เรือนเวลาระดับตำนานในงาน Watches and Wonders 2025

RECOMMENDED READS